Sunday, March 30, 2008

Gate of India & Elephanta Cave

วันนี้เราไปเที่ยวกันอีกรอบที่มุมไบ (หรือ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "บอมเบย์") ประเทศอินเดีย สถานที่ที่พาไปชมกันวันนี้คือ Gate of India และ  Elephanta Cave

การจะข้ามไป Elephanta Island  เพื่อที่จะชม  Elephanta Cave ก็ต้องนั่งเรือข้ามไปจาก Gate of India  ประมาณ เกือบชั่วโมง  ทริปนี้จำไม่ได้ว่าเสียค่าเข้าชมไปเท่าไหร่ เพราะไปกันกับกลุ่มเพื่อนตอนไปอยู่ที่นั่น ก็เลยได้มีโอกาสเที่ยวรอบมุมไบ ก็ตอนอยู่อินเดียคราวนี้ละ

ตอนอยู่อินเดียจะมีคนขับรถส่วนตัวให้ ก็เลยบอกให้ไปส่งที่  Gate of India เพื่อที่จะข้ามไปเที่ยวที่  Elephanta Cave นั่งรถยนต์กว่าจะไปถึง Gate of India ก็ตกประมาณเกือบชั่วโมง (นานเลยทีเดียว) ไปถึงก็เลยขอเก็บภาพซะหน่อย อนุสรณ์นี้ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษ




ภาพนี้เป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศอินเดีย ชื่อว่า Taj Mahal Palace & Tower ( หรือเรียกตามคนท้องถิ่นว่า The Taj) ซึ่งสร้างโดยนักอุตสาหกรรมชาวฝรั่งเศส เมื่อร้อยปีก่อน โรงแรมแห่งนี้มีความหรูหรามาก ค่าห้องพักในส่วนของ Palace Wing ขั้นต่ำประมาณ 21,500 รูปี หรือ 17,900 บาท ต่อคืน (แพงได้ใจจริงๆ )




รอเรือมาเทียบท่า ได้เวลาก็ขึ้นเรือเพื่อที่จะไปเที่ยวฝั่ง  Elephanta Island (Elephanta Cave)  นักท่องเที่ยวเยอะเหมือนกัน ที่จะข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งใช้เวลาเกือบชั่วโมง แต่ก็ได้เก็บภาพวิวระหว่างทางไปด้วย




ภาพนี้ตอนขึ้นเรือแล้วเลยถ่ายจากด้านหน้ามาให้ดู ดูสวยงามเช่นกัน




พอไปถึงก็เจอกับเรือเก่าแบบนี้ ตั้งอยู่ ก็เลยถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกจากทาง Elephanta Cave สักรูป




เดินไปเดินมา มีลาด้วย เห็นก็น่าสงสารเหมือนกันนะ เพราะผอมมาก ๆๆ




ระหว่างเดินทางขึ้นเขาเพื่อไปดูถ้ำ ก็เจอลิงน้อย นั่งแทะข้าวโพดได้อีก เลยเก็บภาพไว้




พอเดินมาถึงเขาข้างบนก็เจอถ้ำซึ่งใหญ่มาก ซีึ่งจะรวม ศิลปะ วัฒนธรรมของฮินดูไว้ที่นี่ ซึ่งภาพที่นำมาให้ชมเป็นแค่บางส่วนเท่านั้น




อีกภาพนึงนำมาให้ชมกัน เดินเข้าไปก็รุ้สึกขัง ๆ เหมือนกันนะ ดินแดนภารตะ




ด้านหน้าของถ้ำ ซึ่งเห็นได้เลยว่าเกิดขึ้นไปเหมือนภูเขาเลย ใหญ่มาก




พอถ่ายรูปในถ้ำและบรรยากาศรอบ ๆ เสร็จ ก็เดินขึ้นเขาไปประมาณ 30 นาที ขึ้นไปบนยอดเขา ก็ได้วิวนี้มาให้ชมกัน




เดิน ๆ ไป เจอปืนใหญ่ เห็นคนเค้าถ่ายรูปนั่งกันบนปื่นเลยทีเดียว ก็ขอเก็บไว้สักภาพ




อันนี้เป็นเก้าอี้หามขึ้นลง จำไม่ได้ว่าเสียกี่รูปี อันนี้สำหรับคนที่ขี้เกียจเดิน ก็จะมีคนสองคนแบกใส่บ่าหามขึ้นลงไป




พอลงไปข้างล่างก็จะเห็นคนขายของต่าง ๆ เป็นซุ้ม ๆ อย่างที่เห็น อากาศดีจริงๆ แบบร้อนอบอ้าวมากๆ




พอเสร็จก็นั่งเรือกลับไปฝั่ง Mumbai ระหว่างทางกลับไปที่อพาร์ทเมนต์ ก็ผ่านมาที่ศูนย์กลางของมุมไบ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบอังกฤษ เก่ามาก ๆ เลยถ่ายภาพเก็บไว้ รถติดมาก ๆ พอ ๆ กับบ้านเราได้เลย



ทริปนี้จบไปด้วยดี สนุกมา ๆ กับเพื่อน ๆ ต่างชาติ กรุ๊ปนี้ไปเที่ยวกันในอินเดียบ่อยมาก ต้องขอขอบคุณสำหรับการพาเที่ยวในครั้งนี้ด้วยนะคะ ^_^

Thursday, March 20, 2008

Lanta Yai Island

ทริปนี้ขอลงภาคใต้ บ้านเราอีกครั้ง ครั้งนี้บินจากกรุงเทพ ไปกระบี่ ด้วยสายการบิน  Air Asia ประมาณไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงแล้ว พอถึงกระบี่ ก็ต้องนั่งรถตู้ของโรงแรมข้ามไปเกาะ ลันตาใหญ่อีก เกือบชั่วโมงได้


ภาพนี้ถ่ายตอนนั่งรถข้ามจากกระบี่ไป เกาะลันตาใหญ่ ตอนบ่าย ๆ จะเย็นแล้ว




อีกมุมนึงระหว่างทางไป พักที่โรงแรม ศรีลันตา จนได้เข้าที่พัก คืนแรก




วันที่สองไปกับทัวร์ ดำน้ำเล่น อยู่ในแพคเกจ ลันตาใหญ่ ก็เลยได้ไปดำน้ำกันที่นี่




พอตอนเย็นถึงที่พัก รับประทานอาหารเย็นเสร็จ ก็มาเดินเล่นตามชายหาด ดูพระอาทิตย์ตกดินหน้า โรงแรม ซึ่งโรงแรมศรีลันตา ตั้งอยู่ที่คลองนิน ใน ลันตาใหญ่




วันที่สาม วันนี้ก็ยังไปกับทัวร์อีก แต่ไปในเขตของ อุทยานแห่งชาติ แถว ๆ บากันเทียง สวยอย่างที่เค้าว่ากันจริงๆ ยังคงความเป็นธรรมชาติได้อย่างสวยงาม




อีกมุมนึงของอุทยานแห่งชาติ น้ำใสกิ๊ก




พอเล่นน้ำไปสักพัก ก็รับประทานอาหารกลางวัน นั่ง ๆ ไปก็กลัวพวก  Komodos  ทั้งหลายจะคลานมาแถวที่กินข้าว เพราะมันใกล้กันเหลือเกิน แต่ชาวต่างชาติให้ความสนใจมาก พอเสร็จแล้วก็ไปเล่นน้ำต่อจนได้กลับมาพักที่โรงแรม




วันที่สี่ ขอเป็นวันของตัวเอง ชิว ๆ รีแลกซ์ไป ก็ขี่มอเตอร์ไซด์ ไปตามเกาะลันตาใหญ่ มีหลายหาดมาก เช่น หาดคลองนิน หาดคลองขง หาดคลองกวาง หาดพระแอ้ หรือหาดลองบีช  หาดคลองดาว หาดคลองโข่ง หาดบากันเตียง หาดคลองจาก




อีกมุมนึงของหาดคลองดาว



หมดไปอีกวัน ทริปนี้  5 วัน 4 คืน แต่เต็มเอี๊ยดจริง ๆ ถ้าใครรักสงบ ความเป็นส่วนตัวสูงก็ต้องที่นี่เลย เกาะลันตาใหญ่

Saturday, March 1, 2008

Suan Rod Fai

วันนี้ขอเที่ยวในกรุงเทพฯ หน่อยแล้วกัน เสาร์อาทิตย์ สบาย ๆ ชิว ๆ วันนี้ไปกันที่สวนรถไฟ  แถวจตุจักร ก็เพราะว่ากว้างมาก เดินคงไม่ไหว เลยเช่าจักรยานมาขี่ซะเลย เลยเลือกจักรยานแม่บ้านสีแดงบาดตาได้อีก






เดินเข้ามาในสวนผีเสื้อแล้ว




ขี่จักรยานไปเรื่อย ๆ ก็เจอสวนผีเสื้อ ก็เลยจอดจักรยานไว้ ก็เข้าไปดูพันธุ์ผีเสื้อหน่อย ก็มีหลายสายพันธุ์แตกต่างกันไป




อันนี้ถ่ายตอนที่กำลังตอมเกสรอีกดอกนึงไปอีกดอกนึง เลยได้ช็อตเด็ดมา่ (กว่าจะถ่ายได้มือต้องนิ่งจริงๆ)




ขี่จักรยาน ชมรอบสวนรถไฟมาทั้งวัน ก็ไปคืนจักรยาน แล้วก็เดินลัดสวนมาเรื่อย ๆ ตามทางที่จะไปสวนจตุจักร ก็เลยได้เห็นมุมสงบ ๆ มุมนี้ ก็เลยถ่ายรูปเก็บไว้




อีกมุมนึงมาให้ชมกัน




อีกมุมนึงในมุมกว้าง ได้เห็นกันทั่ว ๆ เลย



ทริปนี้ก็เกือบเต็มวัน เดินเยอะเหมือนกันหลังจากขี่จักรยานเสร็จ ก็ถือว่าออกกำลังกายไปในตัว