Thursday, May 31, 2007

The Erawan Museum (พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ)

หลังจากไปเมืองโบราณกันแล้ว ก็เลยมีเวลาสักสองชั่วโมง ก็เลยไปกันต่อที่ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ (The Erawan Museum) ตั้งอยู่ที่ จังหวัดสมุทรปราการเช่นเดียวกัน  อยากเข้าไปดูแล้วก็ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นสิริมงคลกับตัวเอง

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เป็นงานประติมากรรมลอยตัวช้างทองแดงที่ใช้เทคนิคการเคาะขึ้นรูปด้วยมือ ที่มีความสูงจากหัวช้างลงมาสู่ฐานวัดได้ 43.6 เมตร หรือประมาณความสูงของตึก 14 ชั้น

พอไปถึงแล้ว ก็ได้ไหว้พระพิคเณศ และพระองค์อื่น ๆ ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ช้างสารเศียร หลังจากทำพิธีลอยบัวเสร็จ ก็เข้าไปดูในพิพิธภัณฑ์ช้าง ไม่น่าเชื่อว่าข้างในจะโอ่อ่า สวยงามอย่างที่เห็นดังรูปข้างล่างนี้



อันนี้เข้าไปก็โอ่อ่า สมกับคำร่ำลือจริง ๆ วิจิตรงดงามมากๆ




อันนี้เป็นหลังคาข้างใน ถ่ายจากมุมล่างขึ้นไป สวยงามมาก





ถ่ายอีกมุมนึ่งจากด้านในพิพิธภัณฑ์ช้าง




ภาพนี้ ถ่ายจากตอนที่อยู่บนหัวช้างสามเศียร ถ่ายรูปจากด้านในก็จะได้เห็นวิวแบบนี้



องค์พระพุทธรูปที่ตั้งอยู่ด้านในช้าง สามเศียร




ภาพช้างสามเศียร จากภายนอก





อีกมุมนึง ของช้างสามเศียร ถ่ายภาพจากภายนอก ช่างสวยงาม และใหญ่อลังการจริงๆ 








ทริปนี้ ถือได้ว่า ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพฯ เลยจริงๆ และยังสามารถได้เยี่ยมชม ทั้งเมืองโบราณ และพิพิธภัณฑ์ช้าง ในวันเดียวกันอีกด้วย

The Ancient City (เมืองโบราณ)

วันนี้เราเริ่มจากการเที่ยวภายในเอเชีย วันนี้พาไปเที่ยวสถานที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของเมืองไทย ซึ่งได้รวบรวมสถาปัตยกรรม และสถานที่สำคัญ ๆ จาก 76 จังหวัดของเมืองไทย มาวางไว้ที่แห่งนี้แห่งเดียว สถานที่นี่มีชื่อว่า "เมืองโบราณ" หรือ เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า "The Ancient City" ซึ่งตั้งอยู่ที่ จังหวัด สมุทรปราการ ห่างจาก กรุงเทพฯ ประมาณไม่ถึงชั่วโมง โดยรถยนต์ส่วนตัว

สถานที่แห่งนี้ สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปได้ซึ่งจะต้องเสียค่าบริการ (คันละ 300 บาท ราคานี้ไม่รวมคนขับ) หรือจะนั่งรถรางที่ทางเมืองโบราณจัดไว้ให้เป็นรอบแล้วปล่อยไปตามจุดชมวิวต่าง ๆ (ผู้ใหญ่ ท่านละ 250 บาท และเด็กท่านละ 150 บาท  ราคารวมทั้งรถรางหรือ รถจักรยาน) หรือ ถ้าอยากมีเวลาดูหรือชมวิวเป็นการส่วนตัวแบบประหยัด ๆ ก็ต้องเช่าจักรยาน (ผู้ใหญ่ ท่านละ 200 บาท และเด็กท่านละ 100 บาท ราคารวมจักรยาน)


สถานที่ ๆ จะแนะนำต่อไปนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเมืองโบราณ เท่านั้น  ที่แรกที่เราไปคือ พระนอน  (Reclining Buddha)




ต่อไปเราไปกันต่อ ที่ อนุสรณ์สถานชาวบ้านบางระจัน สังเกตดูได้เลยว่า ฝีมือปั้น ๆ ได้ดีมากจริงๆ



ต่อไป ขี่จักรยานระหว่างทาง ก็เห็นกวาง ละมั่ง นั่งกันประปราย ตามพื้นหญ้า ดูแล้วก็น่ารักเพลินตาดี



เดินไปครึ่งค่อนวัน เริ่มหิว ก็เลยไปหาของกินกันที่ตลาดน้ำ บรรยากาศเป็นแบบสไตล์ไทย มีอาหารให้เลือกกันหลากหลายทั้งในแบบไทยปัจจุบันและแบบไทยโบราณ แล้วยังสามารถนั่งกินที่ศาลาที่คนขายเค้าขายกันได้เลย กินไปด้วย ดูวิวไปด้วย เพลินตาสบายใจดีจริงๆ




หลังจากกินกันอิ่มแล้ว ก็ไปต่อที่ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ปางแสดงปาฏิหาริย์ ซึ่งสวยงามมาก




จากนั้นก็ขี่จักรยานไปกันต่อ ที่ เทวโลก ซึ่งเป็นมุมสงบมาก แต่เราก็ได้รูปสงบ ๆ สวย ๆ มาฝากอีกมุมนึง




หลังจากนั้น ก็มุ่งหน้าไปกันต่อ เลยได้วิวถ่ายจากมุมสูง ได้เห็น ศาลาแปดเหลี่ยม (คล้าย ๆ บางมุมของเมืองจีนเหมือนกันนะ)



อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างมาให้ชมกัน แต่จริง ๆ มีอีกเยอะมาก ถ้าอยากดูทั้งวันให้หมด ต้องตื่่นแล้วไปให้ถึงแต่เช้าตอนเค้าเปิด ไปถึงแล้วจะบอกว่าุคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปจริงๆ เมืองไทยบ้านเรามีอะไรให้ดูให้ชม กันอีกเยอะ ไม่อย่างงั้น คนต่างชาติคงไม่มาเที่ยวบ้านเรากัน แสดงว่าบ้านเรามีสิ่งสวยงามให้ดูกันจริงๆ